ศิลปะรัตนโกสินทร์
(พุทธศตวรรษที่ ๒๔-๒๕)
(พุทธศตวรรษที่ ๒๔-๒๕)
สมัยรัตนโกสินทร์
เริ่มต้นตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงสถาปนากรุงเทพมหานครฯ
ขึ้นเป็นราชธานีตั้งแต่ พ.ศ. ๒๓๒๕
ลงมาจนถึงสมัยปัจจุบันการจำแนกรูปแบบทางศิลปกรรมอาจจำแนกได้เป็น 3 ยุคใหญ่ๆอันได้แก่
๑.ประติมากรรม
ตอนต้น ในรัชกาลที่ ๑ เนื่องจากการย้ายเมืองหลวงเป็นกรุงเทพมหานคร
จึงไม่มีการริเริ่มสร้างวัดใหม่ แต่จะเป็นการทำนุบำรุงและบูรณะแทน ในราชกาลที่ ๒
และ๓
ก็เป็นเช่นเดียวกันคือการเน้นการทำนุบำรุงงานประติมากรรมและประติมากรรมต่างๆ
โดยเน้นที่ลวดลายและความละเอียดมากกว่าที่เน้นเรื่องสีสัน
ตอนกลาง ในรัชกาลที่ ๔ เกิดความนิยมศิลปะแบบ Realistic จึงพยายามทำให้รูปปั้นมีลักษณะที่คล้ายคลึงกับคนให้มากที่สุด
ในราชกาลที่ ๕ มีการนำลักษณะเก่าๆดั้งเดิมของไทยมาใช้อยากมาก อีกทั้งยังเน้นความเหมือนจริงให้มากไปกว่าเดิม
เพราะในสมัยนั้นมันเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย
สมัยสังคมประชาธิปไตย รัชกาลที่ ๕
เป็นต้นมาก็มีการแก้ไขลักษณะพระพุทธรูปให้เหมือนสามัญชนยิ่งขึ้นทุกที
แต่ยังคงรักษาพระพุทธลักษณะที่สำคัญบางประการไว้ และในปัจจุบันบางครั้งก็สร้างสรรค์พระพุทธรูปที่มีรูปร่างลักษณะอิริยาบถอันแปลกๆออกมาแต่มีรูปแบบที่แตกต่างไปจากของโบราณโดยสิ้นเชิง
ฐานของอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเป็นประติมากรรมของยุครัตนโกสินทร์ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักของผู้คนอย่างแพร่หลาย
ซึ่งถูกใช้ในการแสดงออกทางการเมืองของคนไทยในปัจจุบันอีกด้วย
๒.จิตรกรรม
ตอนต้น
สำหรับจิตรกรรมนั้น ภาพเขียนในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นก็คงตามแบบศิลปะอยุธยาตอนปลาย
แต่อิทธิพลของศิลปะจีนที่มีอยู่บ้างในสมัยรัตนโกสินทร์นั้นหายไป
ภาพเขียนในสมัยนี้ล้วนใช้สีและปิดทองลงบนภาพทั้งสิ้น
ภาพเขียนบนผนังในสมัยรัตนโกสินทร์ดูจะรุ่งเรืองที่สุดในสมัยรัชกาลที่ ๓
ดังอาจเห็นได้จากภาพเขียนในพระอุโบสถและพระวิหาร ณ วัดสุทัศน์เทพวราราม
ตอนกลาง
ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๔ เป็นต้นมา มีการติดต่อกับต่างประเทศทางตะวันตกมากขึ้น
อิทธิพลของจิตรกรรมต่างประเทศทางตะวันตกก็เข้ามาปนอยู่ในจิตรกรรมฝาผนังของไทย
ดังอาจเห็นได้จากภาพเขียนบนผนังพระอุโบสถที่วัดมหาพฤฒาราม
ในปัจจุบัน ต่อจากสมัยตอนกลางจิตรกรรมมีความหลากหลายมากทั้งแนวคิดและรูปแบบ
ซึ่งรวมไปถึงสื่อ กลวิธี คติ ความเชื่อต่างๆ
มีทั้งที่อนุรักษ์ของโบราณและสรรค์สร้างขึ้นมาใหม่ แต่ที่เป็นที่รู้จักของผู้คนมากก็คือภาพเขียนเรื่องรามเกียรติ์
3.สถาปัตยกรรม
ตอนต้น สำหรับสถาปัตยกรรมสมัยรัตนโกสินทร์นั้นมีดังนี้
คือ แบบอย่างพระสถูปเจดีย์ซึ่งสร้างในรัชกาลที่ ๑-๓ นิยมสร้างพระปรางค์กับพระเจดีย์ไม้สิบสองเป็นหลักรัชกาลที่
๑ มีการสร้างวัดพระศรีรัต-นศาสดารามและวัดสุทัศน์เทพวราราม
และให้บูรณะปฏิสังขรณ์สิ่งก่อสร้างในวัดอื่นๆซึ่งมีมาก่อนสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ ในสมัยรัชกาลที่
๒ ทรงดำริเริ่มสร้างพระปรางค์วัดอรุณฯ แต่ค้างอยู่ มาสำเร็จในสมัยรัชกาลที่ ๓ สำหรับโบสถ์วิหารในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นก็มักสร้างเลียนแบบกรุงศรีอยุธยา ในสมัยรัชกาลที่
๓
เกิดนิยมแบบอย่างศิลปะจีนวัดที่สร้างในรัชกาลนี้บางแห่งก็มักย้ายสร้างคล้ายแบบจีนคือยกเอาช่อฟ้า
ใบระกา หางหงส์ ออกเสีย
หน้าบันหรือหน้าจั่วแทนที่จะเป็นไม้สลักอย่างแต่ก่อนก็เปลี่ยนเป็นก่ออิฐถือปูนและใช้ลวดลายดินเผาเคลือบประดับ
เสาก็มักเป็นสี่เหลี่ยมทึบใหญ่ ไม่มีบัวหัวเสา ในรัชกาลนี้ได้ทรงสร้างวัดขึ้นเป็นจำนวนมาก
ตอนกลาง รัชกาลที่ ๔
นิยมสร้างพระสถูปกลมทรงลังกาและยังทรงนิยมจำลองแบบพระเจดีย์สมัยอยุธยามาสร้างด้วย ในสมัยรัชกาลที่
๕ ทรงสร้างวัดไม่มาก แต่บางแห่งได้หันกลับไปทำตามคติแบบเก่า
คือยึดพระเจดีย์เป็นประธานของวัดอย่างแต่ก่อน
สร้างพระระเบียงและวิหารทิศล้อมรอบพระเจดีย์ ภายนอกประดับประดากระเบื้องหลากสี
ตกแต่งภายในโบสถ์วิหารเป็นรูปแบบตะวันตก
ปัจจุบัน สถาปัตยกรรมในสมัยปัจจุบันมีรูปแบบที่แตกต่างกันอย่างมากมายมีทั้งที่เลียนแบบของโบราณและที่สร้างแบบขึ้นมาใหม่ อาคารบ้านเรือนสมัยรัตนโกสินทร์ สำหรับอาคารบ้านเรือนในสมัยรัตนโกสินทร์
บ้านไม้แบบไทยแท้ก็ยังคงอยู่ต่อไป ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๓ ลงมา
นิยมก่อสร้างอาคารด้วยอิฐ เป็นแบบไทยบ้างแบบจีนบ้าง และตั้งแต่สมัยรัชกาลที่
๔ ลงมา จึงนิยมสร้างเลียนแบบฝรั่ง
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบเขียนแล้วเห็นภาพเลยครับ
ตอบลบdee mark kub
ตอบลบKo no dio da
ตอบลบแล้ววัดชื่ออะไรครับ
ตอบลบกำลังศึกษาประวัติศาสตร์
ขอบคุณค้าบ ข้อมูลดีมาก
ตอบลบ